พรากผู้เยาว์ หมายถึงการพาเด็กหรือเยาวชน ผู้ที่มีอายุต่ำกว่าที่กฎหมายกำหนด เช่น ต่ำกว่า 18 ปีในประเทศไทย) ออกจากความดูแลของบิดา มารดา หรือผู้ปกครองโดยไม่ได้รับอนุญาต ซึ่งอาจเกิดจากการหลอกลวง ข่มขู่ หรือชักชวนโดยวิธีการต่าง ๆ ซึ่งการกระทำนี้อาจมีจุดประสงค์เพื่อการล่วงละเมิดทางเพศ การบังคับใช้แรงงาน หรือการแสวงหาผลประโยชน์อื่น ๆ โดยเป็นการกระทำที่ผิดกฎหมายทั้งกรณีที่ผู้เยาว์เป็นผู้เสียหายหรือผู้เยาว์เป็นคนกระทำผิดเอง
โดยปัญหาการพรากผู้เยาว์เกิดได้จากหลายสาเหตุทั้งความยากจนหรือขาดโอกาสทางการศึกษาทำให้ผู้ปกครองไม่สามารถดูแลบุตรหลานได้อย่างเหมาะสม ซึ่งอาจทำให้เด็กตกเป็นเป้าหมายของผู้ไม่หวังดีที่ล่อลวงเด็กไปเพื่อแสวงหาประโยชน์ หรือ ภัยจากสื่อออนไลน์ ซึ่งในปัจจุบันการล่อลวงเด็กผ่านอินเทอร์เน็ตและโซเชียลมีเดียเป็นปัญหาใหญ่ เช่น การแกล้งทำเป็นเพื่อนหรือคนรักเพื่อหลอกเด็กออกจากบ้าน
กฎหมายเกี่ยวกับการพรากผู้เยาว์ในประเทศไทย
1. ประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 317
- ผู้ใดพรากเด็กอายุไม่เกิน 15 ปีไปจากบิดา มารดา ผู้ปกครอง หรือผู้ดูแลโดยปราศจากเหตุผลอันสมควร ต้องระวางโทษจำคุก 3-15 ปี และปรับตั้งแต่ 60,000-300,000 บาท
2. ประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 318
- ผู้ใดพรากผู้เยาว์อายุเกิน 15 ปี แต่ไม่เกิน 18 ปีไปจากบิดา มารดา ผู้ปกครอง หรือผู้ดูแลโดยปราศจากเหตุผลอันสมควร ต้องระวางโทษจำคุก 2-10 ปี และปรับตั้งแต่ 40,000-200,000 บาท
3. ประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 319
- ผู้ใดพรากผู้เยาว์อายุเกิน 15 ปี แต่ไม่เกิน 18 ปีไปจากบิดา มารดา ผู้ปกครอง หรือผู้ดูแลเพื่อหากำไร หรือเพื่อการอนาจาร โดยผู้เยาว์นั้นเต็มใจไปด้วย ต้องระวางโทษจำคุก 2-10 ปี และปรับตั้งแต่ 40,000-200,000 บาท
4. ประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 321/1
- ในกรณีที่ผู้พรากเด็กอายุไม่เกิน 13 ปี กฎหมายห้ามไม่ให้ผู้กระทำอ้างความไม่รู้อายุของเด็กเป็นข้ออ้างในการปฏิเสธความรับผิด
การพรากผู้เยาว์เป็นปัญหาที่ส่งผลกระทบทั้งในระดับบุคคล ครอบครัว และสังคม การป้องกันและแก้ไขปัญหานี้ต้องอาศัยความร่วมมือจากทุกภาคส่วน ทั้งผู้ปกครอง หน่วยงานรัฐ และสังคมโดยรวม เพื่อสร้างสภาพแวดล้อมที่ปลอดภัยสำหรับเด็กและเยาวชน ซึ่งเป็นทรัพยากรสำคัญของอนาคตประเทศ