ปัจจุบัน “บุหรี่ไฟฟ้า” ได้รับความนิยมเพิ่มขึ้นในหลายประเทศ รวมถึงประเทศไทย โดยเฉพาะในกลุ่มคนรุ่นใหม่ที่มองว่าเป็นทางเลือกที่ “ปลอดภัยกว่า” บุหรี่ธรรมดา อย่างไรก็ตาม การใช้และการจำหน่ายบุหรี่ไฟฟ้ายังคงมีข้อถกเถียงในเชิงสุขภาพและกฎหมาย ซึ่งในประเทศไทยมีกฎหมายที่ควบคุมอย่างเข้มงวดเกี่ยวกับผลิตภัณฑ์ชนิดนี้
โดยมี 5 หน่วยงานรัฐ ที่ออกมาชี้แจงตัวบทกฎหมายควบคุมบุหรี่ไฟฟ้า ได้แก่ กรมควบคุมโรค สำนักงานคณะกรรมการคุ้มครองผู้บริโภค สำนักงานตำรวจแห่งชาติ กรมศุลกากร และกรมการค้าต่างประเทศ ยืนยันว่า “บุหรี่ไฟฟ้า” มีไว้ในครอบครองแม้ไม่นำเข้าก็ถือว่าผิดกฎหมาย ดังนี้
1. กรณีผู้ขายหรือผู้ให้บริการบุหรี่ไฟฟ้า
คณะกรรมการคุ้มครองผู้บริโภคได้มีคำสั่งที่ 9/ 2558 เรื่อง ห้ามขายหรือห้ามให้บริการสินค้า “บารากู่ บารากู่ไฟฟ้าหรือบุหรี่ไฟฟ้า หรือตัวยาบารากู่ น้ำยาสำหรับเติมบารากู่ไฟฟ้าหรือบุหรี่ไฟฟ้า” ดังนั้น ผู้ใดขายหรือให้บริการบุหรี่ไฟฟ้า น้ำยาเติม มีความผิดตาม พ.ร.บ.คุ้มครองผู้บริโภค (ฉบับที่ 4) พ.ศ.2562 มีโทษจำคุกไม่เกิน 3 ปี หรือปรับไม่เกิน 600,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ
2.กรณีผู้นำเข้าบุหรี่ไฟฟ้า
มีความผิดตามประกาศกระทรวงพาณิชย์ เรื่อง กำหนดให้บารากู่และบารากู่ไฟฟ้า หรือบุหรี่ไฟฟ้า เป็นสินค้าที่ต้องห้ามนำเข้ามาในราชอาณาจักร พ.ศ.2557 ซึ่งมีโทษจำคุกไม่เกิน 10 ปี หรือปรับเป็นเงิน 5 เท่า ของราคาสินค้า หรือทั้งจำทั้งปรับ กับให้ริบบุทรี่ไฟฟ้า รวมทั้งสิ่งที่ใช้บรรจุ และพาหนะใดๆ ที่ใช้ในการบรรทุกสินค้าบุหรี่ไฟฟ้านั้นด้วย นอกจากนั้นยังเป็นความผิดตาม พ.ร.บ.ศุลกากร พ.ศ.2560 มาตรา 244 ซึ่งมีโทษจำคุกไม่เกิน 10 ปี หรือ ปรับไม่เกิน500,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ และศาลอาจสั่งริบของนั้นก็ได้ ไม่ว่าจะมีผู้ถูกลงโทษตามคำพิพากษาหรือไม่
3.กรณีผู้ครอบครองหรือรับไว้ซึ่งบุหรี่ไฟฟ้า
อันเป็นสินค้าห้ามนำเข้ามาในราชอาณาจักรจะมีความผิดฐาน ช่วยซ่อนเร้น ช่วยจำหน่าย ช่วยพาเอาไปเสีย ซื้อ หรือรับไว้โดยประการใด ซึ่งของอันตนรู้ว่าเป็นของที่เข้ามาในราชอาณาจักร โดยยังมิได้ผ่านพิธีการศุลกากรโดยถูกต้อง ตามมาตรา 246 วรรคหนึ่ง ของ พ.ร.บ.ศุลกากร พ.ศ. 2560 มีโทษจำคุกไม่เกิน 5 ปี หรือปรับเป็นเงิน 4 เท่าของราคาสินค้า หรือทั้งจำทั้งปรับ
4.การสูบบุหรี่ไฟฟ้าในที่สาธารณะ
ทั้งการสูบบุหรี่มวนหรือบุหรี่ไฟฟ้าในพื้นที่สาธารณะต่างก็เป็นข้อต้องห้ามที่ไม่ควรฝ่าฝืน ตามพระราชบัญญัติศุลกากรหากมีผู้สูบในสถานที่สาธารณะ เช่น โรงเรียน โรงพยาบาล ถือว่าฝ่าฝืนมาตรา 42 พ.ร.บ.ควบคุมผลิตภัณฑ์ยาสูบ พ.ศ. 2560 ต้องระวางโทษปรับไม่เกิน 5,000 บาท
แม้ว่าบุหรี่ไฟฟ้าจะถูกมองว่าเป็นทางเลือกที่ดีกว่าบุหรี่ธรรมดาในหลายประเทศ แต่สำหรับประเทศไทย การควบคุมบุหรี่ไฟฟ้ายังคงเป็นเรื่องสำคัญที่เน้นการปกป้องสุขภาพของประชาชน โดยเฉพาะกลุ่มเยาวชนที่อาจเป็นเป้าหมายทางการตลาด หากคุณเป็นผู้ใช้งานหรือสนใจผลิตภัณฑ์ชนิดนี้ ควรศึกษาและปฏิบัติตามกฎหมายอย่างเคร่งครัด เพื่อหลีกเลี่ยงปัญหาทางกฎหมายในอนาคต และเมื่อบุหรี่ไฟฟ้าเป็นสินค้าต้องห้ามแม้จะไม่มีเจตนาหรือไม่รู้ว่าเป็นของมีความผิด ก็ต้องถูกริบให้ตกเป็นของแผ่นดินและนำไปทำลายตามกฎหมายของศุลกากร