วันนี้ 5 พฤศจิกายน 2567 เลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐ 2024 ทั่วโลกกำลังลุ้นว่าใครจะได้เป็นประธานาธิบดีสหรัฐคนที่ 47ระหว่าง โดนัลด์ ทรัมป์ จากพรรค รีพับลิกัน หรือ กมลา แฮร์ริส จากพรรคเดโมแครต
โดยมีประชาชนผู้มีสิทธิลงคะแนนประมาณ 240 ล้านคน แต่ผลต่างเพียงไม่กี่คะแนนเท่านั้นที่อาจกลายเป็นตัวชี้ขาดว่า ใครจะได้เป็นประธานาธิบดีคนต่อไป เนื่องจากการสำรวจความคิดเห็นแสดงให้เห็นว่าการแข่งขันมีความสูสีมากขึ้น ในสมรภูมิที่เรียกว่า “สวิงสเตท (swing state)” หรือรัฐที่พรรคการเมืองได้รับคะแนนสนับสนุนสูสีกัน ทั้งหมด 7 รัฐ ได้แก่ แอริโซนา จอร์เจีย มิชิแกน เนวาดา นอร์ทแคโรไลนา เพนซิลเวเนีย และวิสคอนซิน ซึ่งเป็นรัฐสำคัญที่ผลคะแนนชี้ขาดอาจทำให้กระบวนการล่าช้าลงได้เช่นกัน
ในการเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐฯ ในปี 2024 จะมีบทบาทสำคัญต่อทิศทางของเศรษฐกิจและการเมืองโลก โดยเฉพาะอย่างยิ่งในการกำหนดนโยบายสำคัญที่เกี่ยวข้องกับการค้าต่างประเทศ การพัฒนาห่วงโซ่อุปทาน พลังงาน และการรักษาความมั่นคงในภูมิภาคต่างๆ ซึ่งจะส่งผลโดยตรงต่อเศรษฐกิจและการพัฒนาของประเทศในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ รวมถึงประเทศไทยด้วย
ด้วยเหตุนี้ ประเทศไทยและประเทศในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้จำเป็นต้องเตรียมพร้อมทั้งในด้านเศรษฐกิจและการเมืองเพื่อรับมือกับการเปลี่ยนแปลงที่จะเกิดขึ้นจากผลการเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐฯ 2024 และต้องมีการวางกลยุทธ์เพื่อปรับตัวให้เข้ากับสภาพแวดล้อมใหม่ที่อาจจะเกิดขึ้น