-
กฎหมายกับการป้องกันและปราบปรามความรุนแรง
Read More: กฎหมายกับการป้องกันและปราบปรามความรุนแรงการทารุณกรรมหรือการใช้ความรุนแรงต่อผู้อื่นเป็นพฤติกรรมที่สร้างความเสียหายทางร่างกาย จิตใจ และศักดิ์ศรีความเป็นมนุษย์ของผู้ถูกกระทำ ปัญหานี้ไม่ได้เกิดขึ้นเพียงในระดับบุคคลเท่านั้น แต่ยังสะท้อนถึงความล้มเหลวในเชิงสังคม การทารุณกรรมมีหลายรูปแบบ ตั้งแต่การใช้ความรุนแรงทางร่างกายและจิตใจ การล่วงละเมิดทางเพศ ไปจนถึงการกดขี่หรือแสวงหาผลประโยชน์โดยไม่เป็นธรรม ในประเทศไทยก็เกิดเหตุการณ์การทำร้ายร่างกายผู้อื่นอยู่บ่อยครั้ง โดยเฉพาะในรูปแบบของการใช้กำลังหรือความรุนแรงเพื่อข่มเหงผู้อื่น ซึ่งมักเกิดขึ้นในหลากหลายบริบท ตั้งแต่การทำร้ายในครอบครัวไปจนถึงการทำร้ายในที่ทำงานหรือในสังคมทั่วไป โดยบางกรณีก็ได้รับการรายงานข่าวและได้รับความสนใจจากสื่อมวลชนในระดับหนึ่ง และมีกฎหมายที่เข้มงวดในการป้องกันและลงโทษผู้ที่กระทำความรุนแรงต่อผู้อื่น ดังนี้ โทษทางอาญา ข้อหาทำร้ายร่างกาย • ทำร้ายผู้อื่น จนเป็นเหตุให้เกิดอันตรายแก่กายหรือจิตใจของผู้อื่น ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกิน 2 ปี หรือปรับไม่เกิน 40,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ • ทำร้ายร่างกาย จนเป็นเหตุให้ผู้ถูกกระทำร้ายได้รับอันตรายสาหัส ต้องระวางโทษจำคุกตั้งแต่ 6 เดือน – 10 ปี และปรับตั้งแต่ 10,000 – 200,000 บาท • กรณีประมาท และทำให้ผู้อื่นได้รับอันตรายสาหัส ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกิน 3 ปี หรือปรับไม่เกิน 60,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ • กรณีเป็นทำร้ายร่างกาย แต่ไม่ถึงกับเป็นเหตุให้ได้รับอันตราย…
-
ปัญหาการลักลอบเข้าเมืองในประเทศไทย
Read More: ปัญหาการลักลอบเข้าเมืองในประเทศไทยการลักลอบเข้าเมืองหรือการเข้าเมืองโดยผิดกฎหมาย เป็นปัญหาที่เกิดขึ้นทั่วโลกและมีผลกระทบต่อหลายมิติ โดยเฉพาะในประเทศไทยที่ต้องเผชิญกับปัญหานี้อย่างต่อเนื่อง การลักลอบเข้าเมืองหรือการเข้าเมืองโดยผิดกฎหมาย หมายถึง การเข้าสู่ประเทศโดยไม่ปฏิบัติตามกฎหมายว่าด้วยการเข้าเมืองของประเทศปลายทาง ซึ่งอาจเกิดขึ้นได้ทั้งจากการลักลอบขนผู้โยกย้ายถิ่นฐานโดยบุคคลที่สาม หรือการลักลอบเข้าเมืองด้วยตนเองของผู้โยกย้ายถิ่นฐานหรือคนต่างด้าว การกระทำดังกล่าวมักนำไปสู่ปัญหาอาชญากรรมข้ามชาติในหลากหลายรูปแบบ เช่น การขนส่งยาเสพติด การก่อการร้าย และการกระทำผิดกฎหมายอื่น ๆ ในแต่ละปี มีการจับกุมคนต่างด้าวที่ลักลอบเข้าเมืองจำนวนมาก โดยเฉพาะในกลุ่มประเทศอาเซียน สำหรับประเทศไทย คนต่างด้าวที่ลักลอบเข้ามามักเป็นแรงงานที่สามารถหารายได้ในประเทศไทยสูงกว่าประเทศของตนโดยมักเข้ามาทำงานในภาคเกษตรกรรม อุตสาหกรรม และบริการ ซึ่งยังขาดแคลนแรงงานจำนวนมาก โดยการลักลอบเข้าเมืองผิดกฎหมายในประเทศไทยเกิดจากหลายปัจจัยที่ซับซ้อนและเกี่ยวเนื่องกัน ดังนี้ ประชากรจากประเทศเพื่อนบ้าน เช่น เมียนมา ลาว กัมพูชา และเวียดนาม มักเลือกมาทำงานในประเทศไทย เนื่องจากเศรษฐกิจของไทยพัฒนามากกว่า มีการลงทุนที่ต่อเนื่อง และอัตราค่าจ้างแรงงานสูงกว่าประเทศของตน ซึ่งเปิดโอกาสให้สามารถสร้างรายได้เพื่อนำไปเลี้ยงดูครอบครัวได้ดีกว่า ประเทศไทยมีพรมแดนที่ติดกับประเทศเพื่อนบ้านทั้งเมียนมา ลาว กัมพูชา และมาเลเซีย รวมระยะทางทั้งสิ้น 5,647 กิโลเมตร นอกจากนี้ ยังมีเขตแดนทางทะเลที่ครอบคลุม 23 จังหวัดชายทะเล รวม 3,151 กิโลเมตร ทำให้มีช่องทางธรรมชาติหลายจุดที่สามารถลักลอบเข้าเมืองได้โดยยากต่อการควบคุมจากเจ้าหน้าที่ การขึ้นทะเบียนแรงงานต่างด้าวในประเทศไทยมักมีขั้นตอนที่ยุ่งยาก ใช้เวลานาน และมีค่าใช้จ่ายสูง ทั้งในเรื่องของการพิสูจน์สัญชาติและการจัดทำเอกสาร รวมถึงปัญหาการประชาสัมพันธ์ที่ไม่ทั่วถึง…
-
สืบนาน 7 เดือน ป้าติ๋ม หมดสิทธิรับมรดก 100 ล้าน
Read More: สืบนาน 7 เดือน ป้าติ๋ม หมดสิทธิรับมรดก 100 ล้านเมื่อวันที่ 29 เม.ย. 2567 ที่ผ่านมา การเสียชีวิตของ นางแคทเทอร์รีน จูแอลว์ โรแลนด์ เจอร์เมน เดลาโคท แหม่มชาวฝรั่งเศส วัย 59 ปี นักธุรกิจห้เช่าวิลล่าบนเกาะสมุย จบชีวิตตัวเองหลังทราบป่วยเป็นมะเร็งในวิลล่า โดยได้ทำพินัยกรรมยกทรัพย์สินทั้งหมดให้ ป้าติ๋ม แม่บ้านคนสนิท ประกอบด้วย บ้านหรือวิลล่าหรูพร้อมที่ดินที่เกิดเหตุ มูลค่าราว 30 ล้านบาท ที่ดินเปล่า 2 แปลง ที่มีพื้นที่ติดกับวิลล่า มูลค่าราว 20 ล้าน และทรัพย์สิน เครื่องประดับ บางส่วนที่ตู้เซฟ รวมถึงเงินสดในธนาคารอีกจำนวนหนึ่ง โดยรวมมูลค่า ที่ป้าติ๋มได้รับราว 100 ล้านบาท ทั้งนี้เจ้าหน้าที่ได้เข้าไปสืบสวนนานร่วม 7 เดือน พบพยานหลักฐานที่ทำให้เชื่อได้ว่าเป็นการทำนิติกรรมในลักษณะตัวแทนอำพราง (นอมินี) ทางเจ้าหน้าที่ชุดสอบสวน ภ.จว.สุราษฎร์ธานี ร่วมกับ อ.เกาะสมุย จึงได้แจ้งความดำเนินคีจำนวน 2 คดี หลังได้ดำเนินการสอบสวนเกี่ยวกับการทำธุรกิจของ นางแคทเทอร์รีน จูแอลว์ โรแลนด์…
-
บุหรี่ไฟฟ้าผิดกฎหมายไทย
Read More: บุหรี่ไฟฟ้าผิดกฎหมายไทยปัจจุบัน “บุหรี่ไฟฟ้า” ได้รับความนิยมเพิ่มขึ้นในหลายประเทศ รวมถึงประเทศไทย โดยเฉพาะในกลุ่มคนรุ่นใหม่ที่มองว่าเป็นทางเลือกที่ “ปลอดภัยกว่า” บุหรี่ธรรมดา อย่างไรก็ตาม การใช้และการจำหน่ายบุหรี่ไฟฟ้ายังคงมีข้อถกเถียงในเชิงสุขภาพและกฎหมาย ซึ่งในประเทศไทยมีกฎหมายที่ควบคุมอย่างเข้มงวดเกี่ยวกับผลิตภัณฑ์ชนิดนี้ โดยมี 5 หน่วยงานรัฐ ที่ออกมาชี้แจงตัวบทกฎหมายควบคุมบุหรี่ไฟฟ้า ได้แก่ กรมควบคุมโรค สำนักงานคณะกรรมการคุ้มครองผู้บริโภค สำนักงานตำรวจแห่งชาติ กรมศุลกากร และกรมการค้าต่างประเทศ ยืนยันว่า “บุหรี่ไฟฟ้า” มีไว้ในครอบครองแม้ไม่นำเข้าก็ถือว่าผิดกฎหมาย ดังนี้ 1. กรณีผู้ขายหรือผู้ให้บริการบุหรี่ไฟฟ้า คณะกรรมการคุ้มครองผู้บริโภคได้มีคำสั่งที่ 9/ 2558 เรื่อง ห้ามขายหรือห้ามให้บริการสินค้า “บารากู่ บารากู่ไฟฟ้าหรือบุหรี่ไฟฟ้า หรือตัวยาบารากู่ น้ำยาสำหรับเติมบารากู่ไฟฟ้าหรือบุหรี่ไฟฟ้า” ดังนั้น ผู้ใดขายหรือให้บริการบุหรี่ไฟฟ้า น้ำยาเติม มีความผิดตาม พ.ร.บ.คุ้มครองผู้บริโภค (ฉบับที่ 4) พ.ศ.2562 มีโทษจำคุกไม่เกิน 3 ปี หรือปรับไม่เกิน 600,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ 2.กรณีผู้นำเข้าบุหรี่ไฟฟ้า มีความผิดตามประกาศกระทรวงพาณิชย์ เรื่อง กำหนดให้บารากู่และบารากู่ไฟฟ้า หรือบุหรี่ไฟฟ้า…
-
5 ทศวรรษ กำหนดเวลาขายเครื่องดื่มแอลกอฮอล์
Read More: 5 ทศวรรษ กำหนดเวลาขายเครื่องดื่มแอลกอฮอล์เรื่องของการห้ามขายเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ ในประเทศไทยระหว่างเวลา 11.00 – 14.00 น. และ 17.00 – 24.00 น. เป็นกฎหมายที่มีการบังคับใช้อย่างยาวนานกว่า 50 ปี โดยมีจุดมุ่งหมายเพื่อควบคุมการบริโภคเครื่องดื่มแอลกอฮอล์และลดผลกระทบต่อสังคม ทั้งในเชิงสุขภาพ เศรษฐกิจ และความปลอดภัย กฎหมายที่เกี่ยวข้องกับข้อกำหนดนี้สามารถย้อนกลับไปได้ถึง “ประกาศของคณะปฏิวัติ ฉบับที่ 253” เมื่อวันที่ 16 พฤศจิกายน 2515 และได้ตกทอดมาจนปัจจุบันใน “ประกาศสำนักนายกรัฐมนตรี เรื่อง กำหนดเวลาห้ามขายเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ พ.ศ. 2558” ปัจจุบันการจำกัดการขายเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ในช่วงเวลาดังกล่าวอยู่ภายใต้ พระราชบัญญัติควบคุมเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ พ.ศ. 2551 โดยมีสาระสำคัญที่เกี่ยวข้องกับเวลาการขายดังนี้: ข้อยกเว้นในกฎหมาย กฎหมายได้ระบุข้อยกเว้นสำหรับการขายเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ในบางสถานที่และบางโอกาส เช่น ผลกระทบต่อสังคมและเศรษฐกิจ มาตรการนี้แม้จะช่วยลดปัญหาสุขภาพและสังคมได้ในระดับหนึ่ง แต่ก็มีเสียงวิพากษ์วิจารณ์ในบางประเด็น เช่น แม้ว่าในวันที่ 19 ก.พ. 2567 ที่ผ่านมาจะมีการหารือ โดยคณะกรรมการนโยบายเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ เตรียมพิจารณายกเลิกข้อห้ามจำหน่ายและพิจารณาขยายเวลาการขายเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ในช่วงเวลา 14.00-17.00 น. แต่มีความเห็นที่เสนอต่อคณะกรรมการนโยบายเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ 2…
-
การรับพนักงานใหม่: เคล็ดลับและขั้นตอนที่ HR ควรรู้เพื่อการเริ่มต้นอย่างมืออาชีพ
Read More: การรับพนักงานใหม่: เคล็ดลับและขั้นตอนที่ HR ควรรู้เพื่อการเริ่มต้นอย่างมืออาชีพการรับพนักงานใหม่ไม่ใช่แค่การเลือกคนที่เหมาะสมกับตำแหน่งงาน แต่ยังเป็นกระบวนการสำคัญที่ต้องการความใส่ใจในทุกขั้นตอน ตั้งแต่เริ่มต้นจนถึงวันแรกของการทำงาน เพื่อสร้างความประทับใจแรกและช่วยให้พนักงานปรับตัวได้อย่างราบรื่นและแนวทางและเคล็ดลับสำคัญที่ควรรู้สำหรับ HR ตั้งแต่เริ่มเปิดรับสมัคร การสัมภาษณ์ การจัดการเอกสาร การทำสัญญาจ้าง ไปจนถึงการ Onboarding พนักงานใหม่ ที่จะช่วยให้การรับพนักงานใหม่มีประสิทธิภาพและประสบความสำเร็จ การเตรียมตัวก่อนเปิดรับสมัครงาน 1. กำหนดคุณสมบัติของตำแหน่งงานที่ชัดเจนเริ่มต้นด้วยการทำความเข้าใจถึงความต้องการของตำแหน่งงาน เช่น การกำหนดคุณสมบัติเหล่านี้อย่างละเอียดจะช่วยลดเวลาในการคัดกรองและเพิ่มโอกาสในการได้ผู้สมัครที่ตรงกับความต้องการ 2. เตรียมรายละเอียดตำแหน่งงาน (Job Description)คำบรรยายตำแหน่งงานควรชัดเจน ครบถ้วน และดึงดูดผู้สมัคร โดยระบุถึง: การมี Job Description ที่ดีจะช่วยให้ผู้สมัครเข้าใจบทบาทและเพิ่มความสนใจในตำแหน่งนั้น ขั้นตอนการรับสมัครและคัดเลือกผู้สมัคร 1. การคัดกรองใบสมัครเมื่อเปิดรับสมัคร HR ควรมีกระบวนการคัดกรองที่ชัดเจน โดยพิจารณาคุณสมบัติสำคัญ เช่น 2. การสัมภาษณ์และการประเมินทักษะการสัมภาษณ์ช่วยให้ HR เข้าใจศักยภาพและความเหมาะสมของผู้สมัครในเชิงลึก โดยใช้คำถามที่เน้น: นอกจากนี้ อาจเพิ่มการทดสอบความสามารถ เช่น การทำงานจำลอง หรือแบบทดสอบทักษะ เพื่อประเมินความสามารถอย่างละเอียด การจัดการเอกสารและการเซ็นสัญญาจ้าง 1. การรวบรวมเอกสารสำคัญHR ควรแจ้งให้ผู้สมัครเตรียมเอกสาร เช่น: การตรวจสอบประวัติอาชญากรรมในบางตำแหน่งก็เป็นสิ่งสำคัญ เพื่อความปลอดภัยขององค์กร 2.…
-
รัฐบาลเตรียมแจก 10,000 บาท เฟส 2 ให้ผู้สูงอายุ 60 ปีขึ้นไป เริ่มต้นช่วงตรุษจีนปีหน้า
Read More: รัฐบาลเตรียมแจก 10,000 บาท เฟส 2 ให้ผู้สูงอายุ 60 ปีขึ้นไป เริ่มต้นช่วงตรุษจีนปีหน้ารัฐบาลเดินหน้าโครงการแจกเงินดิจิทัล 10,000 บาทในเฟสที่ 2 โดยเน้นการสนับสนุนกลุ่มผู้สูงอายุที่มีอายุ 60 ปีขึ้นไป โดยอาจไม่ได้ทุกคน เพราะต้องเป็นไปตามเงื่อนไขที่รัฐกำหนด ประชาชนที่มีอายุ 60 ปีขึ้นไปต้องลงทะเบียนในระบบแอปพลิเคชั่น ทางรัฐ และยืนยันตัวตนผ่านระบบ KYC แล้ว นั่นหมายความว่า อายุ 60 ปีแต่ไม่ได้ลงทะเบียนกับทางรัฐไว้ อาจไม่ได้เงิน หรือ มีรายได้เกิน 7 หมื่น และมีเงินในบัญชีธนาคารเกิน 5 แสนบาท ก็ไม่อยู่ในกลุ่มที่เหมาะสมตามที่กำหนดไว้ ตามที่ นายกรัฐมนตรี แพทองธาร ชินวัตร ประกาศจากที่การประชุมผู้นำเขตเศรษฐกิจเอเปค ครั้งที่ 31 ที่กรุงลิมา สาธารณรัฐเปรู ว่าเดินหน้านโยบายรัฐบาลเพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจด้วยการแจกเงินดิจิทัลเฟส 2 และเฟสถัดไปเพื่อโอนเงินหนึ่งหมื่นบาทให้ประชาชนทุกคนที่ลงทะเบียนผ่านแอปพลิเคชั่น “ทางรัฐ” ของรัฐบาล รัฐบาลเดินหน้าโครงการเงินดิจิทัล 10,000 บาท ในเฟสที่ 2 พร้อมเปิดเงื่อนไขและคุณสมบัติสำหรับกลุ่มผู้มีสิทธิ์ โดยมีรายละเอียดที่สำคัญดังนี้: คุณสมบัติผู้มีสิทธิ์ วิธีลงทะเบียน ผู้ที่ผ่านเกณฑ์จะต้องลงทะเบียนผ่านแอปพลิเคชัน “ทางรัฐ” ซึ่งเป็นช่องทางหลักในการยืนยันสิทธิ์และรับเงินดิจิทัล…
-
OKR: เครื่องมือสร้างความสำเร็จให้ธุรกิจ
Read More: OKR: เครื่องมือสร้างความสำเร็จให้ธุรกิจในโลกธุรกิจที่มีการเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว การกำหนดเป้าหมายที่ชัดเจนและวัดผลได้กลายเป็นหัวใจสำคัญของการบริหารจัดการองค์กร หนึ่งในเครื่องมือที่ทรงพลังในการบริหารเป้าหมายคือ OKR (Objectives and Key Results) ซึ่งเป็นระบบที่ช่วยให้องค์กรสามารถเชื่อมโยงเป้าหมายระหว่างทีมและบุคคลให้สอดคล้องกับเป้าหมายหลักขององค์กร โดยมีส่วนประกอบหลักอยู่ 2 ส่วนหลัก ดังนี้ Objectives (เป้าหมาย) เป้าหมายที่ต้องการทำให้บรรลุ ต้องชัดเจน กระชับ เข้าใจง่าย ซึ่งมีประมาณ 3-5 อย่าง ขึ้นอยู่กับเป้าหมายการทำงานของพนักงานแต่ละคน รวมทั้งบทบาทต่อทีมและองค์กร โดยจะมุ่งเน้นที่การเปลี่ยนแปลงหรือผลลัพธ์ที่ต้องการให้เกิดขึ้น ซึ่งมักจะเป็นเป้าหมายที่ไม่ง่ายจนเกินไป เพื่อเป็นความท้าทายให้ทุกคนอยากบรรลุเป้าหมายนั้น แต่ก็ต้องไม่ยากจนเกินไปจนทำให้เกิดความท้อถอยตั้งแต่เริ่มลงมือ Key Results (ผลลัพธ์สำคัญ) เป็นตัววัดผลที่ชัดเจนและสามารถวัดผลความสำเร็จของเป้าหมายหลักได้ ซึ่งเป็นการกำหนดเป้าหมายย่อยลงมาอีก 3-5 ข้อย่อยต่อ 1 เป้าหมาย เพื่อให้เป้าหมายที่กำหนดมีการทำงานและพัฒนาขึ้นไปในทางที่เป็นไปได้ โดยการวัดผลนั้นควรมีความชัดเจนและวัดผลได้ เช่น ใช้ตัวเลข เปอร์เซ็นต์ หรือผลลัพธ์ที่ตรวจสอบได้ ควรตั้งให้กระตุ้นการทำงาน ไม่ง่ายจนเกินไป แต่ต้องไม่ยากจนเกินความสามารถ มีเวลาเป้าหมายที่ชัดเจน เช่น ระบุกรอบเวลาในการบรรลุเป้าหมาย และสอดคล้องกับ Objective ซึ่งอาจมีการวัดผลทุกเดือน หรือทุกไตรมาสธุรกิจ เพื่อให้พนักงานแต่ละคนสามารถวัดผลการทำงานของตัวเองได้เป็นประจำ ดังนั้น…
-
เสียงสะท้อนจากสัตว์: การทารุณกรรมและการคุ้มครองสัตว์
Read More: เสียงสะท้อนจากสัตว์: การทารุณกรรมและการคุ้มครองสัตว์การทารุณกรรมสัตว์ไม่ใช่แค่ปัญหาทางศีลธรรม แต่ยังเป็นเรื่องที่ถูกกำกับดูแลภายใต้กฎหมายในหลายประเทศ รวมถึงประเทศไทยที่ได้กำหนดบทบัญญัติทางกฎหมายเพื่อป้องกันการกระทำทารุณต่อสัตว์ โดยเจตนารมณ์ของกฎหมายเหล่านี้คือการสร้างความรับผิดชอบทางสังคมในการดูแลสัตว์ ลดความเจ็บปวดที่สัตว์ต้องเผชิญ และสร้างความตระหนักในการเคารพสิทธิ์ของสิ่งมีชีวิตอื่น ๆ ในประเทศไทย กฎหมายสำคัญที่เกี่ยวข้องกับการป้องกันการทารุณกรรมสัตว์คือ พระราชบัญญัติป้องกันการทารุณกรรมและการจัดสวัสดิภาพสัตว์ พ.ศ. ๒๕๕๗ ซึ่งเป็นกฎหมายฉบับแรกของประเทศไทยที่ระบุถึงสิทธิและการคุ้มครองสัตว์อย่างเป็นทางการ โดยมีเป้าหมายในการป้องกันการทารุณกรรมและการละเลยสัตว์ มุ่งคุ้มครอง “สัตว์” โดยแบ่งเป็น สัตว์บ้าน สัตว์เลี้ยงเพื่อใช้งาน สัตว์เลี้ยงเพื่อใช้เป็นพาหนะสัตว์เลี้ยงเพื่อใช้เป็นเพื่อน สัตว์เลี้ยงเพื่อใช้เป็นอาหาร สัตว์เลี้ยงเพื่อใช้ในการแสดง หรือสัตว์เลี้ยงเพื่อใช้ในการอื่นใด ตามพระราชบัญญัติป้องกันการทารุณกรรมและการจัดสวัสดิภาพสัตว์ พ.ศ. ๒๕๕๗ ห้ามมิให้ผู้ใดกระทำการอันเป็นการทารุณกรรมสัตว์โดยไม่มีเหตุอันสมควร ผู้ใดฝ่าฝืนต้องระวางโทษจำคุกไม่เกิน ๒ ปี ปรับไม่เกิน ๔๐,๐๐๐ บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ นิยามคำว่า “การทารุณกรรม” แบ่งออกเป็น ๒ ส่วน ได้แก่ ๑.เป็นการกระทำ หรืองดเว้นการกระทำใดๆ ที่ทำให้สัตว์ได้รับความทุกข์ทรมานไม่ว่าทางร่างกายหรือจิตใจ ได้รับความเจ็บปวด ความเจ็บป่วย ทุพพลภาพ หรืออาจมีผลทำให้สัตว์นั้นตาย ๒. ให้หมายความรวมถึงการใช้สัตว์พิการ สัตว์เจ็บป่วย สัตว์ชรา หรือสัตว์ที่กำลังตั้งท้อง เพื่อแสวงหาประโยชน์ รวมถึงการใช้สัตว์ประกอบกามกิจ ใช้สัตว์ทำงานจนเกินสมควร…
-
เปิดยอดผู้เสียหายคดี ‘ดิไอคอนกรุ๊ป’ ทะลุหมื่นราย มูลค่าความเสียหายกว่า 3พันล้านบาท
Read More: เปิดยอดผู้เสียหายคดี ‘ดิไอคอนกรุ๊ป’ ทะลุหมื่นราย มูลค่าความเสียหายกว่า 3พันล้านบาทเมื่อวันที่ 10 พ.ย. 67 ที่ผ่านมา สำนักงานตำรวจแห่งชาติ ได้รายงานสรุปจำนวนผู้เสียหายและมูลค่าความเสียหายจากคดีบริษัท “ดิไอคอนกรุ๊ป” ซึ่งเป็นคดีหลอกลวงการลงทุน โดยมีประชาชนที่ได้รับความเสียหายมาให้ปากคำกับพนักงานสอบสวนของกองบัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง ณ ห้องประชุมชั้น 2 อาคารประชาอารักษ์ กองบังคับการปราบปราม โดยข้อมูลล่าสุด ณ วันที่ 10 พฤศจิกายน 2567 เวลา 13.00 น. มีจำนวนผู้เสียหายที่ได้ให้การสอบปากคำแล้วทั้งสิ้น 3,671 ราย รวมมูลค่าความเสียหายเฉพาะที่มีการสอบปากคำแล้วกว่า 1,235 ล้านบาท และมียอดรวมสะสม จากจำนวนผู้เสียหายที่สอบปากคำแล้ว 6,789 ราย มูลค่าความเสียหายรวม 1,978 ล้านบาทเศษ ปัจจุบัน ยอดรวมผู้เสียหายที่เข้าให้ปากคำกับศูนย์รับแจ้งความร้องทุกข์ในคดีบริษัท “ดิไอคอนกรุ๊ป” จากศูนย์รับแจ้งความร้องทุกข์ของสำนักงานตำรวจแห่งชาติทั่วประเทศ มีจำนวนทั้งสิ้น 10,460 ราย รวมมูลค่าความเสียหายกว่า 3,213 ล้านบาท