Author: Tattawan Phoophinyo

  • ผู้นำคนใหม่ของสหรัฐฯ และผลกระทบต่อโลก

    ผู้นำคนใหม่ของสหรัฐฯ และผลกระทบต่อโลก

    วันนี้ 5 พฤศจิกายน 2567 เลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐ 2024 ทั่วโลกกำลังลุ้นว่าใครจะได้เป็นประธานาธิบดีสหรัฐคนที่ 47ระหว่าง โดนัลด์ ทรัมป์ จากพรรค รีพับลิกัน หรือ กมลา แฮร์ริส จากพรรคเดโมแครต โดยมีประชาชนผู้มีสิทธิลงคะแนนประมาณ 240 ล้านคน แต่ผลต่างเพียงไม่กี่คะแนนเท่านั้นที่อาจกลายเป็นตัวชี้ขาดว่า ใครจะได้เป็นประธานาธิบดีคนต่อไป เนื่องจากการสำรวจความคิดเห็นแสดงให้เห็นว่าการแข่งขันมีความสูสีมากขึ้น ในสมรภูมิที่เรียกว่า “สวิงสเตท (swing state)” หรือรัฐที่พรรคการเมืองได้รับคะแนนสนับสนุนสูสีกัน ทั้งหมด 7 รัฐ ได้แก่ แอริโซนา จอร์เจีย มิชิแกน เนวาดา นอร์ทแคโรไลนา เพนซิลเวเนีย และวิสคอนซิน ซึ่งเป็นรัฐสำคัญที่ผลคะแนนชี้ขาดอาจทำให้กระบวนการล่าช้าลงได้เช่นกัน  ในการเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐฯ ในปี 2024 จะมีบทบาทสำคัญต่อทิศทางของเศรษฐกิจและการเมืองโลก โดยเฉพาะอย่างยิ่งในการกำหนดนโยบายสำคัญที่เกี่ยวข้องกับการค้าต่างประเทศ การพัฒนาห่วงโซ่อุปทาน  พลังงาน และการรักษาความมั่นคงในภูมิภาคต่างๆ ซึ่งจะส่งผลโดยตรงต่อเศรษฐกิจและการพัฒนาของประเทศในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ รวมถึงประเทศไทยด้วย ด้วยเหตุนี้ ประเทศไทยและประเทศในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้จำเป็นต้องเตรียมพร้อมทั้งในด้านเศรษฐกิจและการเมืองเพื่อรับมือกับการเปลี่ยนแปลงที่จะเกิดขึ้นจากผลการเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐฯ 2024 และต้องมีการวางกลยุทธ์เพื่อปรับตัวให้เข้ากับสภาพแวดล้อมใหม่ที่อาจจะเกิดขึ้น

  • “ภัยร้ายจากบัญชีม้า: เส้นทางสู่คุกที่ต้องหลีกเลี่ยง”

    “ภัยร้ายจากบัญชีม้า: เส้นทางสู่คุกที่ต้องหลีกเลี่ยง”

    ในยุคที่เทคโนโลยีมีบทบาทสำคัญ มิจฉาชีพมีการใช้เครื่องมือดิจิทัลในการหลอกลวงผู้คนกลายเป็นเรื่องที่พบได้บ่อยขึ้น และหนึ่งในนั้นคือ “บัญชีม้า” ซึ่งเป็นเครื่องมือที่ใช้เพื่อหลบเลี่ยงการติดตามจากเจ้าหน้าที่ โดยการเปิดบัญชีธนาคารที่ใช้ชื่อของบุคคลอื่นเพื่อรับเงินจากการกระทำผิด ถูกนำไปใช้อย่างแพร่หลายมากขึ้นในการกระทำความผิดที่เกี่ยวกับการฉ้อโกง เว็บพนันออนไลน์ และการหลอกให้กู้ยืมเงินผ่านแอปพลิเคชันเงินกู้ต่าง ๆ ดังนั้น จึงมีพระราชกำหนด มาตรการป้องกันและปราบปรามอาชญากรรมทางเทคโนโลยี พ.ศ. 2566 ออกมาเพื่อป้องกันการกระทำผิดเหล่านี้ อย่างไรก็ตาม การใช้บัญชีม้าเป็นการกระทำที่ผิดกฎหมาย ซึ่งอาจมีโทษทั้งจำคุกและปรับหนักสำหรับผู้ที่เกี่ยวข้อง สำหรับผู้ที่อาจตกเป็นเหยื่อหรือมีแนวโน้มที่จะรับงานนี้ ควรตระหนักถึงความเสี่ยงที่จะถูกหลอกลวงหรือมีส่วนเกี่ยวข้องกับการกระทำผิด อย่าลืมว่าการรับงานที่ดูง่ายและดึงดูด แต่มีความเสี่ยงสูงนั้นอาจส่งผลกระทบต่ออนาคตของเราอย่างมาก

  • โลกออนไลน์กับการแสดงความคิดเห็น: เสรีภาพที่ต้องมีความรับผิดชอบ

    โลกออนไลน์กับการแสดงความคิดเห็น: เสรีภาพที่ต้องมีความรับผิดชอบ

    ในยุคที่เทคโนโลยีเข้ามามีบทบาทสำคัญในชีวิตประจำวัน การสื่อสารผ่านโลกออนไลน์ได้เปิดโอกาสให้ผู้คนแสดงความคิดเห็น แชร์ข้อมูลข่าวสาร และโพสต์เนื้อหาต่างๆ อย่างอิสระ แต่ความเป็นอิสระนี้กลับมาพร้อมกับความรับผิดชอบที่ผู้ใช้ต้องตระหนักถึง เพราะการโพสต์หรือแชร์เนื้อหาบนโลกออนไลน์นั้นไม่ควรเป็นเรื่องที่คิดเพียงชั่วครู่ชั่วยาม การกระทำเหล่านี้อาจมีผลกระทบต่อบุคคลที่สามได้ โดยเฉพาะในกรณีที่มีการใช้ถ้อยคำที่เสียดสี หรือความคิดเห็นที่ไม่สร้างสรรค์ การกระทำดังกล่าวอาจก่อให้เกิดความเสียหายต่อชื่อเสียงหรือชีวิตของผู้อื่นได้ ดังนั้น การนินทาหรือใส่ความผู้อื่นในแชทกลุ่ม อาจเข้าข่ายความผิดฐานหมิ่นประมาท เพราะเป็นการใส่ความผู้อื่นต่อบุคคลที่ 3 โดยประการที่น่าจะทำให้ผู้อื่นนั้นเสียชื่อเสียง ถูกดูหมิ่น หรือถูกเกลียดชัง ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกิน 1 ปี หรือปรับไม่เกิน 2 หมื่นบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 326  การโพสต์เฟซบุ๊ก ด่าผู้อื่น ประจานเมียน้อย ประจานลูกหนี้ ทวงถามหนี้ลูกหนี้ผ่านทางเฟสบุค ระบุชื่อ-นามสกุล ลงรูป โดยมีลักษณะเป็นการเผยแพร่ข้อความอันเป็นการหมิ่นประมาทออกไปยังสาธารณชน เป็นความผิดอาญา ฐานหมิ่นประมาทผู้อื่นด้วยการโฆษณา ตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 326 และมาตรา 328 โทษจำคุกไม่เกิน 2 ปี และปรับไม่เกิน 2 แสนบาท โดยการใส่ความ ใส่ร้าย นินทาผู้อื่นให้เสื่อมเสียชื่อเสียงตามกฎหมายนั้น ไม่ได้หมายความว่าจะต้องด่าทอด้วยคำหยาบคายแต่เป็นการให้ข้อมูลที่ทำให้ผู้อื่นเสียหาย โดยเฉพาะอย่างยิ่งในกรณีที่ไม่มีหลักฐานเพียงพอหรือมีเจตนาไม่ดี ไม่ว่าจะทางแชทไลน์…

  • เภสัชกร รพ.ชื่อดังจบชีวิต โพสต์สุดท้ายสะท้อนปัญหาหัวหน้า Toxic

    เภสัชกร รพ.ชื่อดังจบชีวิต โพสต์สุดท้ายสะท้อนปัญหาหัวหน้า Toxic

    วันที่ 31 ต.ค. 67 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เฟซบุ๊กเพจ “อีซ้อขยี้ข่าว : อีซ้อ” โพสต์ข้อความเกี่ยวกับ เภสัชกรหนุ่มของโรงพยาบาลชื่อดังแห่งหนึ่งย่านพระราม 9 ตัดสินใจจบชีวิตตัวเองก่อนวัยอันควร เนื่องจากเครียดและความกดดันจากการทำงาน โดยเฉพาะเรื่องความสัมพันธ์กับหัวหน้าที่มีลักษณะ “Toxic” หรือสร้างบรรยากาศที่ไม่ดีในที่ทำงาน เจ้าตัวเขียนจดหมายระบายความในใจ โดยระบุข้อความว่า “พี่ XXX (ชื่อหัวหน้า) ครับ การที่ผมตัดสินใจต้องจากคนที่รักไปแบบนี้ ขอให้พี่ XXX รับรู้ไว้ว่าเรื่องที่เกิดขึ้นนั้นมาจากตัวผมเองที่โชคร้ายต้องมาเจอหัวหน้างานอย่างพี่ ที่ไม่เคยเปิดใจรับฟังอะไรทั้งสิ้น และชอบใช้วิธีบีบคั้น หรือกดดันเพื่อให้ลูกน้องลาออก เภสัชกรคนหนึ่งใน รพ. ชื่อดังแถวพระราม 9”  การสนทนาระหว่างเภสัชกรหนุ่มและหัวหน้างานได้เผยแพร่บนโลกออนไลน์ โดยหัวหน้าพยายามแนะนำให้เภสัชกรย้ายไปทำงานแผนกอื่น เนื่องจากมองว่าลูกน้องไม่มีความสุขกับการทำงานด้วยกัน และมีประโยคที่สะท้อนถึงความกดดัน เช่น “ถ้าทำงานด้วยกันไม่ได้ ก็ลาออกเถอะ” และมีการถกเถียงกันระหว่างเภสัชกรหนุ่มและหัวหน้างานถึงประเด็นต่าง ๆ กลางไลน์กลุ่มของที่ทำงาน ซึ่งเป็นสาเหตุที่ต้องตัดสินใจแก้ไขปัญหาด้วยวิธีนี้ 

  • เตือนภัย ‘5 ผีมิจจี้’ วันฮาโลวีน

    เตือนภัย ‘5 ผีมิจจี้’ วันฮาโลวีน

    วันนี้ (31 ตุลาคม 2567) พล.ต.ต.ศิริวัฒน์ ดีพอ รองโฆษกสำนักงานตำรวจแห่งชาติ กล่าวว่า พล.ต.อ.กิตติ์รัฐ พันธุ์เพ็ชร์ ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ มีความห่วงใยประชาชนที่อาจตกเป็นเหยื่อแก๊งมิจฉาชีพที่ก่ออาชญากรรมรูปแบบต่าง ๆ ในช่วงเทศกาลฮาโลวีน โดย 5 ผี มิจฉาชีพ ที่พี่น้องประชาชนต้องระวัง อย่าให้มาหลอกหลอนจนหมดตัวและสร้างความเสียหายในสังคม คือ  1. ผีขายของ – โฆษณาขายสินค้าราคาถูก หากหลงเชื่อจะถูกหลอก ได้แค่วิญญาณของสินค้า (ไม่รับสินค้าจริง) หรือได้รับสินค้าที่ไม่ตรงปก 2. ผีดูดทรัพย์ – ชักชวนให้ลงทุนในธุรกิจที่อ้างว่าผลตอบแทนสูง ความเสี่ยงต่ำ ใช้ระยะเวลาสั้น สุดท้ายเป็นแชร์ลูกโซ่ หรือหลอกเอาเงิน 3. ผีหลอกรัก – แอบอ้างเป็นชาวต่างชาติหน้าตาดี มีฐานะ ทักมาสร้างสัมพันธ์ จากนั้นจะอ้างเหตุสารพัด หลอกให้โอนเงินไปให้ 4. ผีทักแชต – ส่งข้อความหลอกลวงแอบอ้างเป็นหน่วยงานราชการ หรือเอกชน แนบลิงก์ให้กด ติดตั้งแอปพลิเคชันดูดเงิน หรือหลอกเอาข้อมูลส่วนบุคคล  5. ผีชวนเปิด…

  • ทนายอาสา: การให้บริการทางกฎหมายเพื่อสังคม

    ทนายอาสา: การให้บริการทางกฎหมายเพื่อสังคม

    ในสังคมปัจจุบัน การเข้าถึงความยุติธรรมและบริการทางกฎหมายเป็นสิทธิพื้นฐานที่ทุกคนควรได้รับ แต่ในหลายกรณี ผู้คนจำนวนมากยังขาดโอกาสในการเข้าถึงทนายความที่มีคุณภาพ เนื่องจากข้อจำกัดทางการเงิน หรือความไม่รู้เกี่ยวกับกระบวนการทางกฎหมาย ซึ่งนี่คือจุดเริ่มต้นของการให้บริการโดยทนายอาสา ทนายอาสา คือ ทนายความที่เป็นอาสาสมัคร ทำหน้าที่บริการให้คำปรึกษากฎหมายแก่ประชาชนฟรี ไม่มีค่าใช้จ่าย โดยทนายอาสาจะนั่งเวรให้คำปรึกษากฎหมายแก่ประชาชนที่สภาทนายความหรือที่ศาลตามวันเวลาที่กำหนด เน้นการให้คำปรึกษาและช่วยเหลือในกรณีที่ประชาชนต้องการความช่วยเหลือทางกฎหมาย แต่ไม่สามารถเข้าถึงบริการทนายความที่มีค่าใช้จ่ายสูงได้ ซึ่งจะเป็นไป ตาม พรบ.ทนายความ มาตรา 78 ที่กำหนดไว้ว่า “ประชาชนผู้มี สิทธิได้รับความช่วยเหลือทางกฎหมายต้องเป็นผู้ยากไร้และไม่ได้ รับความเป็นธรรม” ซึ่งทนายอาสาจะให้คำปรึกษาเกี่ยวกับกฎหมายเท่านั้น ไม่สามารถที่จะติดต่อมาขอว่าความเองทีหลังหรือรับทำคดีฟรีเองได้ เพราะทนายความนั้นถือเป็นวิชาชีพที่ต้องอาศัยความรู้และความสามารถเฉพาะด้าน เพื่อให้บริการทางกฎหมายที่มีคุณภาพแก่ลูกความ ดังนั้น การว่าความฟรีในฐานะทนายอาสาจึงต้องมีกฎเกณฑ์ที่เข้มงวดไม่ใช่ใครก็ทำได้โดยพละการ อีกทั้งยังต้องอยู่ภายใต้หน่วยงานต้นสังกัด เช่น สภาทนายความ หรือ สำนักงานอัยการ ที่เป็นผู้จัดสรรค่าตอบแทนให้กับทนายอาสา ตามข้อบังคับของสภาทนายความว่าด้วยการช่วยเหลือประชาชนทางกฎหมาย พ.ศ. 2529 ข้อ 16 ระบุไว้ชัดเจนว่า“ประชาชนผู้ได้รับความช่วยเหลือไม่ต้องเสียค่าทนายความ หรือค่าใช้จ่ายใด ๆ ให้แก่ทนายความผู้ดำเนินการทั้งสิ้น”   ดังนั้น ทนายอาสามีข้อดีหลายประการที่ส่งผลดีต่อสังคมและผู้ที่ได้รับบริการทางกฎหมาย โดยเฉพาะกลุ่มที่มีรายได้น้อยหรืออยู่ในสถานการณ์ที่ยากลำบาก เป็นกลไกสำคัญในการเสริมสร้างความยุติธรรมในสังคม โดยการให้บริการที่ไม่คิดค่าใช้จ่ายช่วยให้ผู้ที่ต้องการความช่วยเหลือทางกฎหมายสามารถเข้าถึงบริการได้อย่างเท่าเทียม 

  • คนพิการทำงาน: สิทธิและโอกาสในตลาดแรงงาน

    คนพิการทำงาน: สิทธิและโอกาสในตลาดแรงงาน

    ในปัจจุบัน สังคมเริ่มมีทัศนคติเชิงบวกต่อคนพิการมากขึ้น ความหลากหลายและความแตกต่างในสังคมได้รับการยอมรับ และมีการเห็นคุณค่าของคนพิการในหลายด้าน การส่งเสริมความเท่าเทียมในสังคม คือสภาพแวดล้อมที่ทุกคนมีโอกาสเข้าถึงสิทธิและโอกาสต่าง ๆ อย่างเท่าเทียมกัน การจ้างงานคนพิการเป็นหนึ่งในวิธีสำคัญในการส่งเสริมความเสมอภาคและความเท่าเทียมในสังคม  ซึ่งการจ้างงานคนพิการในตลาดแรงงานถือเป็นเรื่องที่มีความสำคัญและได้รับการสนับสนุนอย่างกว้างขวางในหลายประเทศ รวมถึงประเทศไทยเองมี พ.ร.บ. ส่งเสริมและพัฒนาคุณภาพชีวิตคนพิการ พ.ศ. 2550 เป็นมาตรการในการส่งเสริมและพัฒนาคุณภาพคนพิการ โดยเฉพาะในการสร้างโอกาสในการทำงานและการมีส่วนร่วมในสังคม เพื่อให้คนพิการให้ได้รับสิทธิประโยชน์และการอํานวยความสะดวกเพิ่มขึ้นและมีโอกาสได้พัฒนาคุณภาพชีวิตตนเองมากขึ้น หลักเกณฑ์ในการจ้าง จะเห็นได้ว่า การจ้างงานคนพิการตามกฎหมายมีความสำคัญในหลายด้านที่ส่งผลดีต่อทั้งคนพิการและสังคมโดยรวม ไม่เพียงแต่ช่วยให้คนพิการสามารถพึ่งพาตนเองได้ แต่ยังเป็นการส่งเสริมความเท่าเทียมและช่วยให้เกิดความหลากหลายในการทำงาน ซึ่งเป็นการสร้างโอกาสและความเท่าเทียมที่จำเป็นในสังคมปัจจุบัน การสนับสนุนการจ้างงานคนพิการจึงไม่เพียงแต่เป็นการปฏิบัติตามกฎหมาย แต่ยังเป็นการสร้างสังคมที่มีความเข้าใจและสนับสนุนกันอย่างแท้จริง

  • “แรงงานต้องปรับตัว: ทักษะ AI กลายเป็นที่ต้องการในตลาดแรงงาน”

    “แรงงานต้องปรับตัว: ทักษะ AI กลายเป็นที่ต้องการในตลาดแรงงาน”

    ปฏิเสธไม่ได้ว่าในปัจจุบันเทคโนโลยีมีบทบาทสำคัญในการเปลี่ยนแปลงรูปแบบการทำงานของเราอยู่เสมอ ทั้งการทำงานระยะไกล การใช้ระบบอัตโนมัติ พร้อมทั้งยังเห็นร้านค้าเข้าสู่แพลตฟอร์ม e-commerce มากขึ้น นอกจากเทรนด์การทำงานที่เกี่ยวกับเทคโนโลยีเหล่านี้แล้ว แรงงานยังมีการปรับเปลี่ยนพฤติกรรมเป็นแรงงานอิสระมากขึ้นทำให้เราจำเป็นต้องรู้จักเทรนด์เพื่อปรับตัวสู่การทำงานในอนาคต วันที่ 6 สิงหาคม 2567 ทีม Big Data จากสถาบันวิจัยเพื่อการพัฒนาประเทศไทย (ทีดีอาร์ไอ) ได้เปิดเผยผลวิเคราะห์เกี่ยวกับสถานะความต้องการแรงงานและทักษะที่นายจ้างต้องการในปัจจุบัน ภายใต้ “โครงการพัฒนาระบบวิเคราะห์ข้อมูลด้วย Large Language Models (LLMs) เพื่อการใช้ประโยชน์ในการพัฒนากำลังคนสมรรถนะสูง” ซึ่งได้รับการสนับสนุนจากหน่วยบริหารและจัดการทุนด้านการพัฒนากำลังคน และทุนด้านการพัฒนาสถาบันอุดมศึกษา การวิจัยและการสร้างนวัตกรรม (บพค.) โดยอุตสาหกรรมที่ต้องการทักษะ AI มากที่สุดใน 3 อันดับแรก คือ 1. อุตสาหกรรมข้อมูลข่าวสารและการสื่อสาร 483 ตำแหน่ง 2. อุตสาหกรรมการเงินและการประกันภัย 398 ตำแหน่ง และ 3. อุตสาหกรรมการกิจกรรม การบริหาร และบริการสนับสนุน 394 ตำแหน่ง นอกจากนี้ เมื่อนำข้อมูลชุดเดียวกันไปจำแนกตามกลุ่มอาชีพพบว่า กลุ่มอาชีพ 3 อันดับแรกที่ต้องการทักษะ…

  • การพนันออนไลน์: ภัยร้ายที่ควรตระหนักในสังคม

    การพนันออนไลน์: ภัยร้ายที่ควรตระหนักในสังคม

    “การพนัน” เป็นกิจกรรมที่มีมานานในสังคมมนุษย์ แต่ในขณะเดียวกันมันก็สามารถก่อให้เกิดผลกระทบทางลบอย่างมากมายต่อบุคคลและสังคม ซึ่งส่งผลกระทบต่อทุกกลุ่มวัยโดยเฉพาะวัยรุ่นและเยาวชน ความอยากรู้อยากลอง การแสวงหาความตื่นเต้น และความต้องการเสี่ยงโชค ล้วนเป็นปัจจัยที่ทำให้หลายคนเริ่มเล่นการพนันในครั้งแรก ไม่ว่าจะเป็นการเล่นตามเพื่อนหรือถูกชักชวนจากคนรอบข้าง ความตื่นเต้นและความสนุกสนานที่ได้รับจากการเล่นในช่วงแรกสามารถนำไปสู่การเล่นซ้ำและเพิ่มขึ้นในครั้งถัดไป เมื่อการพนันกลายเป็นส่วนหนึ่งของชีวิต อาจส่งผลให้เกิดปัญหาที่ซับซ้อนมากมาย เช่น การติดการพนัน การขาดทุนทางการเงิน และผลกระทบต่อสุขภาพจิตและความสัมพันธ์ในครอบครัว ดังนั้น การสร้างความตระหนักรู้และการให้ข้อมูลเกี่ยวกับความเสี่ยงของการพนันจึงเป็นสิ่งสำคัญในการป้องกันและลดผลกระทบที่อาจเกิดขึ้นในกลุ่มวัยรุ่นและเยาวชน โดยเฉพาะในปัจจุบัน การเปิดให้บริการเว็บพนันออนไลน์กลายเป็นเรื่องที่เข้าถึงได้ง่ายมากขึ้น เว็บไซต์เหล่านี้มักมีโปรโมชั่นแจกเงินเพื่อดึงดูดผู้เล่นใหม่ รวมถึงการใช้หน้าม้าที่เข้ามาชักชวนให้เล่นพนัน โดยอ้างว่าสามารถทำกำไรได้ด้วยสูตรเด็ดต่าง ๆ เพียงแค่ลงเงินทุนก็จะได้รับผลตอบแทนที่สูง ทั้งนี้ ในส่วนของผู้ที่โฆษณาเชิญชวนให้ผู้อื่นมาร่วมเล่นการพนันนั้น ถือว่ามีความผิดตาม พ.ร.บ.การ พนันฯ มาตรา 12 มีโทษสูงสุด จำคุกไม่เกิน 3 ปี หรือปรับไม่เกิน 5,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ เว็บพนันออนไลน์มีหลากหลายรูปแบบ และโฆษณาชวนเชื่อมักแฝงมากับการลงทุนหรือโปรโมชั่นที่ดึงดูดใจผู้เล่น ทำให้ผู้ที่ไม่เคยมีประสบการณ์ในการพนันรู้สึกอยากลอง แต่สุดท้ายแล้ว ผู้ที่ตกหลุมพรางเหล่านี้มักจะพบว่าตนเองตกอยู่ในวงจรที่ยากจะหลุดพ้น การสูญเสียเงินทุนและประสบกับปัญหาทางการเงินจึงเป็นสิ่งที่เกิดขึ้นบ่อยครั้ง สิ่งเหล่านี้สะท้อนให้เห็นถึงความสำคัญของการสร้างความตระหนักรู้ในเรื่องความเสี่ยงของการพนันออนไลน์ โดยเฉพาะในกลุ่มเยาวชนและวัยรุ่น การให้ความรู้และข้อมูลที่ถูกต้องจะช่วยให้ผู้คนสามารถตัดสินใจได้อย่างรอบคอบและหลีกเลี่ยงการตกเป็นเหยื่อของกลโกงในวงการนี้ 

  • กฎกระทรวงกำหนดให้ “การพนัน” 23 ชนิด เล่นได้ภายในกำหนดเวลา 

    กฎกระทรวงกำหนดให้ “การพนัน” 23 ชนิด เล่นได้ภายในกำหนดเวลา 

    วันที่ 11 ตุลาคม 2567 เว็บไซต์ราชกิจจานุเบกษา เผยแพร่ กฎกระทรวง ฉบับที่ 46 (พ.ศ. 2567) ออกตามความในพระราชบัญญัติการพนัน พุทธศักราช 2478 ให้การพนันต่อไปนี้ ให้เล่นได้ภายในกำหนดเวลา จำนวน 23 ชนิด อาทิ ชกมวย มวยปล้ำ วิ่งวัวคน โยนห่วง ไพ่นกกระจอก เพื่อให้การละเล่นให้เป็นไปตามหลักเกณฑ์และเป้าหมายเพื่อส่งเสริมการท่องเที่ยว สร้างอาชีพในท้องถิ่นและให้มีผลบังคับใช้ตั้งแต่วันที่ 11 ตุลาคม 2567 เป็นต้นไป  การเล่นพนันทั้ง 23 ชนิดที่มีการประกาศเป็นประเภท ข. อาจมีการสื่อสารที่ไม่ชัดเจน ทำให้ประชาชนบางส่วนเข้าใจผิดว่าตนสามารถเล่นพนันได้โดยไม่ต้องขออนุญาต เนื่องจากกฎหมายไทย ยังไม่อนุญาตให้เล่นพนันได้อย่างเสรี ดังนั้น ยังคงต้องขออนุญาตให้ถูกต้องตามกฎหมายก่อนเล่น แต่ในประกาศใหม่มีการปรับเปลี่ยนเวลาให้เหมาะสมมากขึ้น โดยกำหนดเวลาเล่นในช่วงกลางคืน ซึ่งไม่ได้เป็นการกระตุ้นให้คนทั่วไปหันไปเล่นพนันประเภทอื่นอย่างที่มีการกังวลกัน เพราะการพนันประเภทนี้ถือเป็นการละเล่นที่มีลักษณะเป็นครั้งคราว ไม่ได้เกิดขึ้นบ่อยครั้ง การปรับเปลี่ยนเวลาเพียงเพื่อให้สอดคล้องกับประเพณีและความสะดวกของผู้เล่น ทำให้การเล่นยังคงอยู่ในกรอบที่เหมาะสม